กาบเพลาผิวโค้งและปลายก้านสูบ
(Spherical Plain Bearing and Rod Ends)
กาบเพลาผิวโค้ง (Spherical Plain Bearings)
เป็นชิ้นส่วนสำเร็จรูปที่ปรับแนวได้เอง และสามารถรองรับการเยื้องแนวและการดัดแอ่นตัวของเพลาได้ทุกทิศทาง ผิวนอกของวงแหวนในเป็นผิวนูนโค้ง สอดรับกับผิวด้านในของวงแหวนนอกที่ทำเป็นเบ้า แรงกระทำต่อกาบเพลาผิวโค้ง อาจเป็นแรงเชิงสถิต (Static) ซึ่งเกิดขึ้นขณะที่เพลาไม่หมุน หรืออาจเป็นแรงที่เกิดขึ้นขณะเพลาหมุนไปและหมุนกลับ หรือ ระนาบวงแหวนในเบนไปจากระนาบวงแหวนนอกด้วยความเร็วค่อนข้างต่ำ
ประโยชน์ที่แฝงอยู่ในลักษณะการออกแบบกาบเพลาผิวโค้ง คือ
- ความบกพร่องของการจัดแนวศูนย์เพลา หรือการเยื้องแนวเชิงมุมไม่มีผลต่อการทำงานของกาบเพลาผิวโค้ง
- กาบเพลาผิวโค้งสามารถรองรับการเสียรูปของชิ้นส่วนที่อยู่รอบๆ
- กาบเพลาผิวโค้งไม่ก่อให้เกิดความเค้นบริเวณขอบ (edge stress) หรือ ความเค้นต่อชิ้นส่วนที่อยู่รอบข้าง ต่างจากการทำงานของกาบเพลาทรงกระบอก
- กาบเพลาผิวโค้งสามารถเพิ่มความน่าเชื่อถือในการใช้งาน ชิ้นส่วนโครงสร้างที่มีน้ำหนักเบา (Light weight construction)
- กาบเพลาผิวโค้งมีช่วงความเผื่อค่อนข้างกว้าง เอื้ออำนวยให้สามารถใช้งานร่วมกับโครงสร้างที่เป็นงานเชื่อมได้ จึงทำให้ต้นทุนเครื่องจักรโดยรวมต่ำลง
ปลายก้านสูบ (Rod Ends)
ปลายก้านสูบเป็นชุดรองลื่นประกอบด้วย กาบเพลาผิวโค้งประกอบในเสื้อมีลักษณะเป็นวงพร้อมด้วยแกนสลักเกลียว ปลายก้านสูบมักใช้ติดตั้ง ณ บริเวณปลายของแกนลูกสูบของกระบอกลมนิวเมติก หรือกระบอกไฮโดรลิก เพื่อทำหน้าที่เชื่อมต่อกระบอกลมหรือไฮโดรลิกเข้ากับชิ้นส่วนที่อยู่โดยรอบ
กาบเพลาผิวโค้งถูกนำไปประยุกต์ใช้ในลักษณะงานต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทั้งในลักษณะการประกอบโดยตรงเข้ากับเสื้อของเครื่องจักรหรือใช้ร่วมกับเสื้อของปลายก้านสูบ กาบเพลาผิวโค้งมีลักษณะการออกแบบพิเศษต่างๆเพื่อช่วยให้การใช้งานที่ความน่าเชื่อถือสูงขึ้น เราสามารถแบ่งกาบเพลาผิวโค้งออกเป็นสองประเภทหลักๆ คือ กาบเพลาผิวโค้งชนิดที่ต้องการการบำรุงรักษาและชนิดปลอดการบำรุงรักษา
กาบเพลาผิวโค้งชนิดต้องการการบำรุงรักษา
กาบเพลาผิวโค้งของSKFชนิดผิวสัมผัสเหล็กกล้า/ เหล็กกล้าใช้วงแหวน เหล็กกล้าคาร์บอนโครเมียม (เหล็กแบริ่ง) ความแข็งแรงสูง ผ่านการชุบฟอสเฟตและเติมสารหล่อลื่นเพื่อการรันอินชนิดพิเศษและมักใช้ในลักษณะงานหลักๆ ได้แก่
- งานที่มีแรงเชิงสถิตสูงๆ
- งานที่มีสภาพการรับแรงเปลี่ยนแปลงมากๆ
- งานที่มีการเคลื่อนที่เยื้องแนวบ่อยๆ
กาบเพลาผิวโค้งชนิดนี้ยังทนทานต่อสิ่งแปลกปลอมและอุณหภูมิสูงได้ค่อนข้างดี ทั้งนี้ เพื่อให้การทำงานของกาบเพลาผิวโค้งชนิดนี้มีความน่าเชื่อถือจำเป็นต้องได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ และเพื่อให้การบำรุงรักษาเป็นไปโดยสะดวกยิ่งขึ้น กาบเพลาผิวโค้งจึงมีการเติมจาระบีทั้งที่แหวนในและแหวนนอก ยกเว้นกาบเพลาเล็กๆบางขนาดเท่านั้น และเพื่อปรับปรุงการหล่อลื่นให้ดียิ่งขึ้น กาบเพลาผิวโค้งขนาดรูในตั้งแต่ 150 มม.ขึ้นไปมีร่องกระจายสารหล่อลื่นบริเวณผิวสัมผัสของแหวนวงนอกด้วย
กาบเพลาผิวโค้งของ SKF ชนิดผิวสัมผัสเหล็กกล้า/ บรอนซ์นั้น แม้ว่าต้องการการบำรุงรักษาในระดับที่ต่ำกว่าชนิดผิวสัมผัสเหล็กกล้า/ เหล็กกล้า เนื่องจากมีคุณสมบัติในการหล่อลื่นด้วยตนเองดีกว่าก็ตาม แต่เพื่อให้การทำงานมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นยังคงต้องการการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน
กาบเพลาผิวโค้งชนิดปลอดการบำรุงรักษา
กาบเพลาผิวโค้งชนิดปลอดการบำรุงรักษามีราคาสูงกว่ากาบเพลาผิวโค้งชนิดต้องการการบำรุงรักษา กาบเพลาชนิดนี้ประกอบด้วยผิวสัมผัสที่เป็นวัสดุแตกต่างกันนำมาจับคู่กัน ได้แก่
- เหล็กกล้า/ สารประกอบซินเตอร์บรอนซ์
- เหล็กกล้า/ เส้นใย PTFE
- เหล็กกล้า/ สารประกอบ PTFE
ลักษณะการรับแรงที่สามารถใช้กาบเพลาผิวโค้งชนิดปลอดการบำรุงรักษาได้แก่
- แรงมีปริมาณสูงและมีทิศทางคงที่
- ความเสียดทานค่อนข้างต่ำและมีค่าค่อนข้างคงที่
- ไม่สามารถเติมสารหล่อลื่นเพิ่มหรือไม่ต้องการเติมสารหล่อลื่นเพิ่ม
กาบเพลาผิวโค้งของ SKF ยังมีลักษณะพิเศษต่างๆ ซึ่งเอื้ออำนวยให้ผู้ใช้งานสามารถพิจารณาเลือกใช้กาบเพลาผิวโค้งชนิดที่เหมาะสมกับลักษณะการทำงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุด
กาบเพลาผิวโค้งและปลายก้านสูบรุ่นต่างๆ
กาบเพลาผิวโค้งของ SKF มีรุ่นการออกแบบต่างๆ ให้เลือกใช้งานมากมาย
- กาบเพลาผิวโค้งชนิดต้องการการบำรุงรักษารับแรงในแนวรัศมี
- กาบเพลาผิวโค้งปลอดการบำรุงรักษา รับแรงในแนวรัศมี
- กาบเพลาผิวโค้งชนิดสัมผัสเชิงมุม
- กาบเพลาผิวโค้งกันรุน
- ปลายก้านสูบมีผิวสัมผัส ชนิดต้องการการบำรุงรักษาผิวสัมผัสเหล็กกล้า/ เหล็กกล้า
- ปลายก้านสูบมีผิวสัมผัส ชนิดต้องการการบำรุงรักษาผิวสัมผัสเหล็กกล้า/ บรอนซ์
- ปลายก้านสูบ ชนิดปลอดการบำรุงรักษา